วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

รีวิว Verve illuminaation Hydro Boost



ในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ เจนคิดว่าเพื่อนๆหลายคนคงเป็นเหมือนเจนแน่เลย ถึงผิวเจนจะแห้ง แพ้ง่าย แต่เจนก็ไม่อยากจะทาครีมบำรุงเนื้อหนัก เพราะระหว่างวันน้ำมันส่วนเกินที่ผสมอยู่ในครีมจะออกมาสร้างความรำคาญให้หน้ามันเยิ้ม และเมคอัพก็ดูหมองไปในระหว่างวัน แต่หากจะตัดปัญหาโดยการไม่บำรุงเลยคงไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่ๆ เพราะใบหน้าเป็นส่วนสำคัญผิวหน้าควรได้รับการบำรุง


ไม่นานมานี้เจนเพิ่งได้รู้จักกับ Verve illuminating hydro-aid (เวิร์ฟ อิลูมิเนติ้ง ไฮโด เอด)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ผสมผสานระหว่างสารสกัดทางการแพทย์ที่ใช้ในคลินิกรักษาโรคผิวหนังและสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน(สารกันบูด)


เนื้อเจลสีขาวขุ่นมี texture แบบพิเศษ มีความฟูนุ่มเด้ง เวลาเกลี่ยปาดที่หน้าจะรู้สึกเย็นที่ผิว เนื้อครีมจะลื่นตามเหมือนน้ำแตกตัว  เมื่อครีมซึมลงผิวจะกลายเป็นฟิล์มเคลือบผิวไว้
ช่วยเติมน้ำในผิวและเพิ่มความกระจ่างใสใช้ทาลงบนผิวหน้าก่อนนอน และสามารถใช้เป็น overnight mask ได้อีกด้วย โดยเจนจะพอกให้หนากว่าปกติในวันที่ออกไปโดนความร้อนผิวเสียหนัก

สำหรับคนที่ผิวแห้งแบบเจนครีมตัวนี้ช่วยเติมน้ำในผิวให้เจนได้เยอะ ในวันที่ใช้งานผิวอย่างหนัก ปาร์ตี้กลางคืนพักผ่อนน้อย ต้องการฟื้นฟูผิวที่แห้งจัด ผิวแพ้ง่าย เหมาะมากๆทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่นเต่งตึงไม่แห้งกร้าน
และยังเพิ่มความกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ลดรอยแดงที่เกิดจากผดร้อน ดีท็อกผิวฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง





หลังจากที่เจนได้ทดลองใช้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่นอย่างเห็นได้ชัด ผดผื่นลดลง ผิวกระจ่างใสขึ้นเปล่งปลั่งดูมีออร่า หลังจากใช้ติดต่อกันรอยแดงเริ่มจาง หน้าที่ชอบมีความน้ำมันส่วนเกินก็น้อยลง รู้สึกผิวหน้าเริ่มแข็งแรงขึ้น รอยย่นรอยแตกเล็กๆที่เกิดจากผิดขาดน้ำดูตื้นขึ้น














คะแนนโดยรวมหลังการใช้

ลดริ้วรอยระหว่างวัย 2.5/5
ชุ่มชื้นช่วยให้ผิวยืดหยุ่น 4/5
กระชับรูขุมขน 3.5/5
ซึมซาบเร็วไม่เหนอะหนะ 4.5/5
ไม่อุดตัน ไม่ตกค้าง 5/5
กลิ่น 5/5

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิวที่ไม่เนอะหนะ เจนว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เหมาะกับอากาศร้อนๆในช่วงนี้มาก ชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียวเหนอะ ยังไงก็หามาลองใช้ดูนะคะ วันนี้เจนไปก่อน แล้ววันหลังเจนจะเอาเรื่องราวดีๆมาแนะนำเพื่อนๆอีกนะ บ๊ายบาย



วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

รีวิวทำสีผมที่ร้านประจำ Sheseido Salon and Spa





สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน
วันนี้เจนจะพาทุกคนมาเสริมสวยทำผมกันนั้นเอง
หลายๆคนชอบถามเจนนะว่าไปทำผมที่ไหน ตัดที่ไหน ทำสีอะไร
บอกเลยนะว่าเจนทำผมอยู่ที่เดียวเลยคือร้าน Sheseido Salon and Spa
ทำมาเกือบๆจะ 5 ปีแล้ว ไม่เคยย้ายร้านเลย
เพราะเคยเจ็บมาเยอะ ไปร้านอื่นๆทำสีผมที่ไร ผมเสียทุกทีเลย
แต่ตั้งแต่ได้เจอร้าน Sheseido Salon and Spa ไปนะ ไม่เคยทำผมสีครั้งไหนแล้วเสียอีกเลย
เจนเคยไปใช้บริการทั้งสาขา Paragon และ Emporium เอาแล้วแต่วันไหนสะดวกไปที่ไหน

เอาแหละวันนี้เจนมาลองเปลี่ยนสีดู เพราะว่าสีน้ำตาลส้มมานานแสนนานแหละ หัวนี้ดำไปครึ่งทาง
ก็ไม่ยอมมาทำสีสักที วันนี้เลยถือโอกาศพาเพื่อนๆมาด้วยกันเลยละกัน 
นี้คือสีผมเก่าเจน
เห็นไหมดำไปครึ่งหัวแล้วอะ ทุกคนคิดว่าเป็นแฟชั่นทำAmbreป่าว
โนวๆ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ฮ่าๆๆ


BEFORE (INDOOR)




จริงๆแล้วเนี่ยเจนชอบทำสีแบบน้ำตาลอมเทาหรือว่าเขียว
หรืออมฟ้า คือไม่ชอบสีพื้นๆอยากให้มีมิติ แต่ว่าสีพวกนี้เนี่ย
ต้องกักสีผมก่อน แต่เจนไม่ชอบให้ผมเสีย เพราะกักยังไงผมก็พังค่ะ
ไม่ว่าจะสีพอกจะดีจะแพงแค่ไหน มันก็ทำผมเสียอยู่ดี
เจนเลยชอบทำแบบ กักเป็นช่อๆ เหมือนhighlightแต่ให้มันหลบอยู่ชั้นล่างๆก็ผม
มันเลยจะเห็นเป็นเงาๆ มากกว่าเราทำเป็น highlight ชัดๆ


 เรามาเลือก palette สีกัน วันนี้ใช้สีรุ่น PRIMIENCE
เป็นProductย้อมสีผมจาก shiseido professional
วันนี้เจนเลือกโทนที่ยังไม่เคยทำก็คือ ม่วง Lilac ซึงบอกเลยเป็นสีtrendสี2017 สุดๆ
เจนเลยเลือกทำ highlight Lilac และปนๆกับสีเทา จะได้มีหลายๆสีสนุกๆ
และให้สีพื้นเป็นน้ำตาลอมม่วงเทาแต่เข้มหน่อย เจนรู้สึกสีผมเข้มเนี่ยจะทำให้ผมดู
สุขภาพดีกว่าผมสีอ่อนนะค่ะ เพราะงั้นเจนเลยแน่นสีเข้มทั้งหัวแล้ว ช่ออ่อนๆหลายๆช่อเอา



จากนั้นพอเราทำสีเสร็จเรียบร้อยเนี่ยที่ Sheseido Salon and Spa 
จะทำการล้างผมด้วย น้ำ Soda จะไม่ใช้น้ำทั่วไป
เพราะน้ำ Soda เนี่ยจะล้างสารเคมีได้ดีกว่า
เลยจะทำให้ผมของเราสุขภาพดีกว่า





AFTER (INDOOR)





เย้ เสร๊จเรียบร้อยแล้ว สีสวยมากๆๆๆ

รักเลย!!






วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รีวิว DERMA LUMINES SUNSCREEN SPF 50 PA+++

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ หลายๆคนชอบเข้ามาถามเจนนะว่าทำไมผิวที่เจนเนียนจัง วันนี้เจนเลยจะมาอวดผิวสวย ท้าแดดอย่างมั่นใจ ถึงแม้บ้างทีอาจจะมีสิวบ้างตามวันนั้นๆของเดือนแต่ว่าความละเอียดของผิวนั้นเจนขออวดมาก ว่าตัวเองเป็นคนผิวเนียน 555 

เอาละๆไม่ได้มาแค่โม้ให้ฟังนะ วันนี้เจนจะมาบอกเคล็ดลับให้ฟังจ๊ะ 
คือเจนก็ย้ำบ่อยมากแล้วนะ ไม่ว่าจะในวิดีโอหรือในบทความต่างๆว่า สาวๆค่ะ
เราควรจะทาครีมกันแดดไม่ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะงั้นวันนี้เจนเลยจะมารีวิวครีมกันแดดอีกยี่ห้อหนึ่งให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ
เห้ยครีมกันแดดนะ มันหมดไว้มากนะค่ะสาวๆ ไม่ถึงเดือนก็หมดไปหลอดนึงแล้ว เพราะงั้นเจนเลยต้องหาของใหม่ซื้อมาบ้างมาใช้ตลอดเวลา เพราะแม้วันที่เจนไม่แต่งหน้า หรืออยู่บ้านก็จำเป็นที่ต้องทาครีมกันแดดค่ะ 




งั้นวันนี้เจนขอมารีวิว
DERMA LUMINES SUNSCREEN SPF 50 PA+++
ANTI AGING & UV PROTECTION เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง สำหรับปกป้องผิวจากแสงแดด ปกป้องผิวและสามารถลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย


สาวๆอาจจะไม่รู้นะ ว่าแสงUV ไม่ได้แค่ทำให้ผิวดำอย่างเดียวนะ มันก็ทำให้ผิวเราแก่ได้เหมือนกันนะ ง่ายๆเลย UVA คือรังสีที่ทำให้เรา AGE แก่ได้ค่ะ !!
ส่วน UVB BURN หรือทำให้ผิวนั้นไหม้นั้นเองค่ะ แต่ครีมกันแดดตัวนี้สามารถปกป้องกันทั้ง UVA I,UVA II, UVB และ Visible Light ที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อผิว ซึงมีสาวๆอีกหลายๆคนที่เป็นห่วงเรื่องการทาครีมกันแดดตรงที่ว่าพอทารองพื้นแล้วหน้าขาววอกแต่ตัวนี้ไม่ต้องห่วงเพราะเป็นสีเบจเหมาะกับคนผิวสองสีถึงผิวคล้ำ เนื้อสัมผัสใยไหม บางเบา นุ่มลื่น สบายผิว พร้อมปกปิดรูขุมขนให้เรียบเนียนอีกด้วย

ปกป้องผิวจากแสงแดด รังสี UVA / UVB และ Visible Light 
เพิ่มความยืดหยุ่นในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอย สะท้อนแสงให้ผิวดู สว่าง กระจ่างใสขึ้น


BIOLUMEN™ FIRM/USA 
สารสกัดผลโนนิ + ยีสต์ อะมิโน แอซิด  (Yeast Amino Acid) นวัตกรรมใหม่ที่ทำหน้าที่ดูดกลืนแสงช่วง Visible Light จากรังสี UV แล้วคลายพลังงานแสงสีแดงออกมาสู่ชั้นผิว  เสมือนการรักษาผิวด้วย LED Light Therapy ช่วยกระตุ้นการสร้าง Elastin ในชั้นผิว  ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอยชั่วคราวได้ดี ช่วยปรับผิวชั้นนอกให้เรียบเนียนและปรับสมดุลสีผิวให้สม่ำเสมอ ส่วนแสงสีฟ้าช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน พร้อมช่วยสะท้อนแสงให้ผิวหน้าดูขาวกระจ่างใส ในทันที
Micro-Titanium Dioxide  & Micronized Zinc Oxide
ฟิซิคอลซันสกรีนอนุภาคขนาดเล็กระดับไมโคร พบสารไททาเนี่ยม ไดออกไซด์ และ ซิงค์ ออกไซด์ อนุภาคขนาดไมโคร (Micronized Zinc Oxide) ทำหน้าที่เป็นสารป้องกันรังสียูวีเอและบี อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ให้ทะลุผ่านเข้ามาทำร้ายผิว ทำให้ผิวไม่หมองคล้ำ แลดูสว่างกระจ่างใสตลอดเวลา

ส่วนประกอบสำคัญ
Cyclopentasiloxane, Aqua, Talc , Dimethicone Crosspolymer, Isohexadecane, Propylene Glycol, Zinc Oxide, Titanium Dioxide, PEG/PPG-18/18 Dimethicone, PEG/PPG-20/15 Dimethicone, Phenoxyethanol, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, PEG-10 Dimethicone, Yeast Amino Acids, Ethylhexyl Methoxycinnamate, C9-15 Fluoroalcohol Phosphate, Chlorphenesin, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Tricalcium Phosphate, Parfum, 1,3-Butylene Glycol, Benzophenone-3, Disodium EDTA, Glycerin, Methicone, Triethanolamine, Carbomer, Aluminium Hydroxide, CI 77492, Hydrogen Dimethicone, Phospholipids, Aloe Barbadensis Leaf Juice Powder, Morinda Citrifolia Extract, Cyclotetrasiloxane, Allantoin, CI 77491, Dimethicone, CI 77499, Butylene Glycol, Disodium Stearoyl Glutamate, Niacinamide, Panthenol, PEG/PPG/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, Whey Protein, Lactic Acid, Lactose, Sodium Chloride

หลักๆเลยคือจะ มี 
Milk Peptide Complex Extract
น้ำนมโปรตีน ที่ทำหน้าที่ช่วยซ่อมแซมบาดแผลและการอักเสบของผิว

Comfrey Extract & Aloe Vera Extract
สารจากต้นคอมเฟรย์ และ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ซึงเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายหรือ Sensitive เพราะจะป้องกันให้ผิวไม่เกิดการระคายเคือง

Provitamin B5 & Vitamin B3
ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน และเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มกระบวนการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข๊งแรง





วิธีที่ใช้ 

ทาก่อนลงMakeup หรือหลังทา Skincare
สามารถใช้ได้ทุกวัน


หลังใช้

เจนรู้สึกว่าเนื้อมันเบาบางดีมาก แต่ไม่ทำให้รู้สึกหน้ามัน ไม่หนักหนา
เพราะมีครีมกันแดดบ้างตัวที่เจนไม่ชอบเลย หนามาก ไม่สามารถทาเมคอัพได้ด้วยซ้ำ แต่ตัวนี้ไม่มีปัญหานั้นเลย พอทาลงบนผิวแห้งไวมากและเจนรู้สึกผิวจะลื่นๆขึ้น
เลยทำให้แต่งหน้าง่าย แต่ถ้าสาวๆคนไหนผิวเข้มนะ เจนว่าอันนี้ไม่มีปัญหาหาวอกเลย  เพราะเวลาทาลงไปกับผิวมันก็เป็นสีผิวไปเลย ทำให้ผิวดูกระจางใสขึ้นอีกด้วยซ้ำ คือมันเนียนๆนุ่มๆอะ และสำคัญสุดเลยคือต้องไม่แพ้ เพราะเจนเป็นอีกคนนึงที่มีปัญหาแพ้เครื่องสำอางบ่อย แต่ว่าอันนั้นก็แล้วแต่ผิวคนอีก เจนใช้ไม่แพ้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะใช้แล้วไม่แพ้ แต่ว่าตัวนี้เนี่ยเป็น ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ก็เลยอาจจะเหมาะกับคนผิว Sensitive เลยไม่มีน้ำหอมไม่มีAlcoholไม่มีกลิ่น และแห้งไวแบบจริงๆ แห้งทันทีไม่ต้องรอ10-20นาทีแบบครีมกันแดดบ้างยี่ห้อที่จะเนื้อหนักและต้องมานวดๆลงผิวนานๆ แถมยังต้องรอให้ซึง อันนี้ทาปุบออกแดดได้ทันทีเลยจ๊ะ เอาจริงๆ เจนรู้สึกเหมือนมันเป็น primer เลยอะเพราะคุ้มมันด้วยซ้ำไป เพราะงั้นเจนให้คะแนนตามนี้เลยค่ะ






สรุปคะแนน

เจนรู้สึกว่าพอปล่อยไปสักพักให้ผิวโดนแดน หน้าก็จะยิ่งดูเนียนมากขึ้น เหมือนเนื้อครีมทุกอย่างผสมกับเหงือบ้างนิดหน่อย จะทำให้ทุกอย่างดูเป็นผิวมากขึ้น เพราะครีมกันแดดตัวนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่แค่กันแดดแต่เป็น base makeup ที่ดี ที่คุ้มมันแต่ก็ยังทำให้ผิวหน้าดูโกลวนิดๆ สุขภาพดี


เนื้อ 4.5/5
ติดทน 4.5/5
ผิวกระจางใส 3/5
ฟื้นฟู่ 3/5
ความพอใจ 4/5


ราคา  475
ขนาด  30  กรัม

มีจำหน่ายที่ Watsons ร้านขายยา Tesco lotus และ Gourmet Market ทุกสาขา สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/dermalisskincare หรือสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ทาง www.dermalisskincare.com


วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

3CE x Lily Maymac


ในที่สุดก็ได้มาแล้ว!!! 

3 CE x Lily Maymac 
เปิดตัวมาด้วยpackagingสีโรสโกล์ดสุดปังและลิปสติกเนื้อแมท เค้าออกมาทั้งหมด 3 สี #Warm and Sweet 
#Hold on #Holy Rose บอกเลยนะว่าแต่ละสีนี้แซ่บมาก ทาแล้วจะได้ลุคแบบสาวมั่น ปากดูอิ่มน่างับ 
ทาแล้วเกิดจริงพูดเลย!
แถมยังเป็น Limited editionอีกด้วยนะ ใครยังไม่มีไว้มาครอบครองรีบหาเลยค่ะ !!! 
MUST HAVE จริงๆ พูดเลย






สีแรกเลยคือ #Warm and Sweet 
ที่เค้าตั้งชื่อว่า warm ที่แปลว่าอบอุ่ม และ sweet ที่แปลว่าหวาน 
เจนว่าเป็นความรู้สึกที่มาจาก chocolate แน่เลย
เพราะสีนี้เป็นสีน้ำตาลของchocolateที่ดูหวานน่ากิน
ใครทาสีนะบอกเลยว่าปากจะดูน่ากัด งับๆ สุดๆ >///< พูดละเขินเลยอะ



#Hold on 
เจนมโนเนื้อเรื่องนะ Lily ตั้งชื่อนี้เพราะกำลังง้อแฟนอยู่แน่ๆ
"อย่าพึงไป~" เป็นสีลิปที่ทาแล้วแฟนต้องใจสั่นไม่กล้าเดินออกจากห้อง
เป็นสีนู้นที่อ่อนที่สุดในcollectionนี้ เป็นสีที่ทาแล้วดูเป็นผู้หญิงหวานน่าถนุนถนอม
เชื่อสิสีนี้ทาแล้วแฟนต้องรักต้องลง 5555





 สีสุดท้าย #Holy Rose สีนี้แซ่บสุดในทั้งหมด3สี
เป็นสีแดงน้ำตาลของกลีบกุหลาบ
ดูโรแมนติกและแซ็กซี่สุดๆ สีนี้ผู้ชายเห็นต้องตาย พูดเลย




3 CE x Lily Maymac 




วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

รีวิวเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Mini Me




ก็เข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสแล้วเว้นวรรค กรี๊ดๆ เป็นเทศกาลที่เจชอบที่สุดแห่งปีเลยค่ะ อากาศหนาว ของขวัญ แสงสีเสียง คิดแค่นี้ก็ก็ตื่นเต้นสุดสุดแล้วค่ะ เอาละเอาละใจเย็นค่ะปีใหม่แบบนี้แน่นอนคะว่าเราต้องเลือกของขวัญให้กับเพื่อนเพื่อนหลายหลายคนเลยใช่ไหม โอ้โหต้องทำการบ้านหนักมาก ต้องหาของขวัญที่เหมาะกับเพื่อนแต่ละคน บางทีก็เป็นเรื่องยากนะคะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรค่ะวันนี้เจนมีของขวัญพิเศษที่เหมาะมากกับเทศกาลนี้ค่ะ เหมาะมากกับการให้เพื่อนคนไหนที่กำลังย้ายเข้าบ้านใหม่ หรือใครที่ขาดความอบอุ่นหนาวหนาว ซื้อเครื่องชงกาแฟให้เพื่อนได้อุ่นใจและอุ่นกายกันดีกว่าค่ะ



เจนแนะนำเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Mini Me เหมาะมากสำหรับคนขี้เกียจแบบเจนค่ะ ซึ่งเจนเป็นคนชอบดื่มกาแฟร้อนและช็อกโกแลตร้อนมากๆ แต่ขี้เกียจชงมากเพราะต้องมาต้มน้ำร้อนใส่นมใส่ผงกาแฟใส่น้ำตาลอีก หลายขั้นตอนแบบนี้กว่าจะได้กิน บางที่ก็ชงไม่อร่อย เพราะฉะนั้นเครื่องทำกาแฟแคปซูลเหมาะสำหรับเจนที่สุดแล้วค่ะ




Festive Box ก็เป็นเซ็ตของขวัญที่เค้าจัดทั้งเครื่องรวมทั้งกล่องแคปซูลกาแฟถึงสามรสด้วยกัน Espresso Intenso, Cappuccino, Chococino แถมยังมี Variety Pack ที่มี6แคปซูล 3 รสกาแฟมาให้ได้ลองหลายๆรสอีกด้วย ทั้งหมดนี้ลดพิเศษจากราคา ฿4,490 เหลือเพียง ฿3,490 เองนะ


หลายๆคนก็อาจจะสงสัยนะคะ ว่าเครื่องชงกาแฟแบบนี้ทำอย่างไร ต้องบอกเลยนะว่าง่ายมากๆ ไม่จำเป็นต้องมีฝีมืออะไรมากมาย แต่สามารถทำกาแฟที่บ้านได้รสชาติเดียวกับที่ร้าน เพียงแค่ใส่แคปซูลลงไปในเครื่อง แค่นี้ก็ได้แล้วค่ะ โอ้โหไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะคะ
แถมยังมีรสชาติให้เลือกกว่า 12 เมนูอีกด้วยค่ะ


เอาละเจนจะมาโชว์ให้ดูเลยว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Mini Me
ใช้งานยังไงบ้างนะคะ


ก่อนใช้ เติมน้ำในแท็งก์น้ำด้านหลัง ความจุประมาณ 0.8 ลิตร  





เอาละเจนจะมาโชวร์ให้ดูเลย เครื่องนี้เนี่ยสามารถทำได้ทั้งร้อนและเย็น
แต่ไม่จำเป็นต้องต้มน้ำหรือว่าไปแช่น้ำเย็นมาก่อนเลยนะ เพียงแค่ใส่น้ำลงไปหลังเครื่องตรงนี้
และเห็นปุ่มตรงนี้ไหมค่ะ ถ้าเราเลือกแดงก็จะเป็นร้อน แต่ถ้าเราเลือกไปทางสีฟ้าก็จะเป็นน้ำเย็นแล้วค่ะ
แถมยังสามารถเลือกระดับของน้ำได้
เจ้าเครื่องนี้สามารถปรับระดับน้ำได้อัตโนมัติด้วยการเลื่อนคันเลื่อนขึ้นลง และปรับอุณหภูมิน้ำร้อน - เย็น โดยคันโยกซ้าย - ขวา ด้านหลังค่ะ
เราสามารถทำได้ทั้งเครื่องดื่มร้อน (เลื่อนคันโยกไปทางขวา-สีแดง) และเครื่องดื่มเย็น (เลื่อนคันโยกไปทางซ้าย-สีน้ำเงิน)



 


อะๆงั้นเรามาลองกันเลยดีกว่า
เริ่มแรกก็เปิดเครื่องก่อนนะค่ะ กดปุ่มเปิด ถ้ามัน Ready ก็จะขึ้นสีเขียว 
ถ้าเครื่องยังไม่พร้อมก็จะขึ้นสีแดงค่ะ

เปิดเครื่องด้วยการกดสวิตช์ด้านบน รอ 30 วินาทีจนไฟแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว



พอเครื่องพร้อมน้ำพร้อมก็เลือกรสกาแฟเลยค่ะ เอาอันไหนดีก่อนน้า
งั้นเจนขอลอง Cappuccino ก่อนเลยละกันค่ะ



แต่ละรสชาติก็จะมีสูตรของมันค่ะ บนกล่องเค้าจะมีเขียนไว้พร้อมวิธีการทำค่ะ
ว่าต้องใส่แคปซูลสีไหนก่อนและปรับระดับน้ำในปริมาณเท่าไหร่ดี?




Cappuccino เนี่ยก่อนอื่นเลยก็ต้องใส่แคปซูลนมในระดับน้ำ 6 ขีด



หลังจากนั้นใช้แคปซูลกาแฟอีกหนึ่งขีด เพียงเท่านี้ก็ได้ Cappuccino รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมเหมือนในร้านกาแฟเลยค่ะ


ตัวคาปูชิโน่ จะมีเลเยอร์ชั้นกาแฟสวยงามเหมือนตามร้านคาเฟ่เลยค่ะ



รสชาติต่อไปมาลอง Chococino กันบ้าง
อันนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ได้ถนัดทานกาแฟ
แต่ว่าชอบรสชาติของโกโก้

อันนี้บอกเลยนะว่าเป็นรสโปรดของเจนเลยค่ะ



วิธีการทำคล้ายกับ Cappuccino ค่ะ เริ่มจากแคปซูล Choco
ก่อน แล้วตามด้วยแคปซูลนม โดยตั้งปริมาณน้ำตามที่ระบุบนกล่องได้เลย





แต่ว่าสำหรับใครที่ชอบรสกาแฟเข้มๆ เจนขอแนะนำ Espresso Intenso
โอ้โหดื่มอันนี้เข้าไปนะตื่นถึงวันปีใหม่นู้นแหนะ
ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะพลาดการ count down 
ตาตื่นแน่นอน




วิธีการชงแสนง่าย เพราะใช้เพียงแคปซูลกาแฟเท่านั้น พร้อมน้ำปริมาณเหมาะสม


แคปซูล Espresso Intenso ชงแล้วได้ “ครีมา” หรือฟองครีมกาแฟด้านบนเหมือนมืออาชีพด้วยค่ะ



เจนเป็นอีกคนเลยนะที่ชอบทำงานดึก
ตอนเช้าๆจะไม่ค่อย Creative เท่าไร ยิ่งเราทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลาแบบนี้
เพราะฉะนั้นถ้าตอนกลางคืนง่วงๆนะจัดสักแก้วอุ่น

โฮ ตาสว่างเลย ทำงานลัลล้าลืมเวลาเลยค่ะ







สำหรับใครที่สนใจเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Mini Me
ใครสนใจอยากซื้อหามาใช้ หรือให้เป็นของขวัญปีใหม่ก็อย่ารอช้าค่ะ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสอบถามได้ที่